วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ก็คนมันไม่เคยไปนี่หน่าMFM+HK Vol.1


นมตุ๋นของอร่อยบ้านเค้าแต่สำหรับเรา..ไม่นะ


ป้ายรถเมล์บ้านเค้า

อาหารเที่ยงร้านดงบังชิงกิ อร่อยจนมีคนอยากนั่งเรือจากฮ่องกงเพื่อมากินซ้ำ

ร้านขายของฝากชิมฟรีที่หมู่บ้านไทปา
ด้านหน้าของโรงแรมก็สะอาดอยู่ ใกล้ป้ายรถเมล์มากข้ามถนน2เลนก็ถึง

โรงแรม3ดาวที่ไปพักนุ๋ว่าก็โอเคอยุ่นะ

ขนาดหลับยังห่มแผนที่เลย
นั่งตรงปีกปลอดภัยกว่าจริงเหรอ?
ความกว้างของห้องโดยสาร

เนื่องด้วยผู้มีอุปการะคุณออกเงินให้ก้อนโต
เพราะสงสารที่ปีที่แล้วครอบครัวไปเที่ยวเมืองจีนกัน
แต่นู๋ต้องเฝ้าร้านอยู่คนเดียวเป็นอาทิตย์
คราวนี้เลยมีโอกาสไปพักร้อนไกลถึงฮ่องกง
เมื่อกำเงินอยู่ในมือก็นั่งคิดนอนคิดตีลังกาคิดว่า
จะใช้อย่างไรให้ได้เที่ยวคุ้มสุด ช็อปปิ้งคุ้มสุด กินคุ้มที่สุด
ก็เริ่มSearchหาข้อมูลเบื้องต้นประกอบกับไปยืนอ่านหนังสือฟรีตามร้าน
ก็เลยได้ข้อสรุปที่ลงตัวมาว่าแค่”ฮ่องกงจะง้อทัวร์ทำไม?”
เพราะเปรียบเทียบเเล้วก็จะรุ้ว่าแค่ค่าตั๋ว+ที่พัก+ทัวร์เล็กน้อย
4วัน3คืนเนี่ยต่ำๆก็11000บาท
แต่นู๋มันโลภจะไปทั้งทีมันต้องคุ้ม เจาะให้ลึก
และประกอบกับนิสัยเอาแต่ใจตนเอง จะให้เที่ยวในที่ ที่ไม่อยากไป
กินในที่ไม่อยากกิน บังคับช็อปในย่านดังราคาสูง
หรือตื่นตามเวลามอร์นิ่งคอร์ เหรอ?
เชอะๆ แล้วการไปเที่ยวของนู๋มันจะสนุกอะไรอ่ะ

เมื่อตัดสินใจได้อย่างงั้นเลยเริ่มหาข้อมูลมากขึ้น
บังคับให้คนที่จะไปด้วยซื้อหนังสือ
แต่ตัวเองไม่ซื้อนะ(เล่มเดียวอ่านหลายๆคน+ลดการใช้กระดาษ555+)
แล้วด้วยความงกเป็นทุนเดิมเลยจองตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดกับเจ้าหางเเดง
ไปลงมาเก๊าตอนบ่าย(เพราะถูกกว่าเวลาดีกว่า)
และกลับจากฮ่องกงเวลาดึกๆเพราะจะได้อยุ่ฮ่องกงให้นานหน่อย
สรุปใจความได้ว่า...
5วัน4คืนบินไปลงมาเก๊า นอนมาเก๊าหนึ่งคืน แล้วค่อยนั่งเรือไปฮ่องกง
เท่ากับเราได้เที่ยว2ประเทศแถมค่าตั๋ว+เวลาก็ดีกว่า(งกอีกตามเคย5555+)
เพราะสายการบินที่บินไปฮ่องกงส่วนใหญ่จะถึงฮ่องกงช่วยเย็นๆค่ำๆ
เท่ากับว่าเราแทบจะเสียเวลาไปเต็มๆ1วัน
แต่เพราะความงกเนี่ยแหละทำให้ได้รู้สัจธรรมที่ว่า”ถูกและดีไม่มีในโลก”
เพราะความLow Cost ทำให้
- ไม่มีอาหารแจก ขายบนเครื่องอย่างเดียว
- โออิชิกรีนที50บาท
- น้ำแร่ขวดเล็ก40บาท
- มาม่ากระป๋อง60บาท
ใครมันจะไปซื้อลง แต่เค้าก็ซื้อกินกันทั้งเครื่องนะ รวมทั้งเราด้วยเสียค่าโออิชิไป50บาท
แทบจะเก็บขวดขึ้นหิ้งบูชา
แล้วที่นั่งแคบหยั่งกะบขส.99 ขนาดว่ารถทัวร์vipบ้านเรายังกว้างกว่าเลยอ่ะ
ที่เดินตรงกลางประมาณ2เเผ่นกระเบื้อง+แค่รถขายอาหารเครื่องดื่มของสายการบินก็ไม่มีทางเดินแระ แต่อีเจ๊ทั้งหลายก็พยายามเดินไปมาตลอดการเดินทาง
เด๋วก็หยิบกระเป๋าช่องบนศรีษะ เด๋วก็เดินไปคุยกะเพื่อนที่มาด้วย เด๋วก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ
ระยะเวลาบินแค่2ชั่งโมง จะนั่งนิ่งๆกันไม่ได้หรือไงเห็นแล้วเวียนหัวจริงๆ
ประกอบด้วยสนามบินนานาชาติของเรารันเวย์สั้นสุดๆ
เวลาเครื่องจะขึ้นทีนึงก็หวาดเสียวประหนึ่งว่ากำลังจะขึ้นไปตะลุยอวกาศ
ก่อนจะขึ้นเครื่องก็คิดว่าพอขึ้นเครื่องแล้วคงจะนั่งดูวิวไปเรื่อยๆชิวๆ
แต่พอขึ้นไปนั่งบนเครื่องก็คิดว่าหลับเถอะจะได้ไม่อึดอัด หลับๆไปสะจะได้ไม่รับรุ้อะไร
แต่เอาเข้าจริงๆนู๋เมาเครื่องบินค่ะ เวียนหัว คลื่นไส้ ควานยาดม ยาลม ยาหม่องตลอดทาง
ยังนั่งคุยกะคนข้างๆเลยว่าคราวหน้านู๋ไม่บินกะเจ้าหางแดงแล้วนะ นู๋หมดแรง...-*-
แต่เชื่อเถอะคราวหน้าก็หางแดงอีกอ่ะเเหละเพราะถ้าระยะทางใกล้จะจ่ายแพงกว่าทำไม?
แต่ถ้าบินเกิน2ชม.นุ๋ยอมจ่ายเพิ่มขอนั่งการบินไทยได้ม่ะ? อ่อนเพลียสุดๆ-*
ก่อนจะเดินทางนุ๋ก็นั่งเขียนสถานที่ ที่อยากไปให้ครบ อะไรน่าสนใน อะไรถูก ร้านไหนอร่อย
แต่ยังไม่ได้ทำกำหนดการประจำวันเพราะคิดว่ายิ่งเราฟิกซ์เยอะๆแล้วเราจะไม่สนุก เราจะไม่ชิว
ทุกๆอย่างจะรีบเร่ง บีบให้เป็นไปตามแผนที่เราตั้งไว้ พอเกิดเหตุฉุกเฉินมันจะทำให้เราอึดอัด
ก็เลยไม่คิดอะไรทั้งนั้น บินไปทั้งๆที่ไม่ได้คิดอะไรเนี่ยแหละ มันส์ดี
เรียกง่ายๆว่า”ไปตายเอาดาบหน้า” เพราะ
- ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นู๋ไปฮ่องกง มาเก๊า
- นู๋พูดและฟังภาษาจีนกวางตุ้งไม่ได้เลย
- นู๋พูดภาษาอังกฤษได้ห่วยมากๆ แถมฟังได้แบบงูๆปลาๆ
- นู๋ไปกันแค่2คนไม่มีญาติอยู่ที่นั่น
- นู๋งก นู๋ไม่นอนโรงแรม นู๋ไม่นั่งแท็กซี่
แต่เพราะไปตายเอาดาบหน้าเนี่ยแหละ
ถึงทำให้นู๋รุ้ว่า..ครั้งนึงในชีวิตคุณต้องไปเองให้ได้นะ“ฮ่องกง+มาเก๊า”

วันแรกที่ไปถึงมาเก๊าได้พี่ที่นั่งข้างๆที่พูดจีนได้เป็นคนจัดการธุระเรื่องแลกเงินให้
เพราะคนมาเก๊าพูดอังกฤษได้น้อยมากๆ
แถมเงินมาเก๊าไม่มีให้แลกในบ้านเรา 1บาท=4.3mopโดยประมาณ
แต่นู๋ไป2คนแลกเงินแค่300Hkd ตีเป็นเงินไทยประมาณ1500บาท
ที่สำคัญต้องแลกเป็นเหรียญเยอะหน่อยเพราะต้องใช้ไว้หยอดค่ารถเมล์
เพราะเวลาขึ้นรถเมล์ที่มาเก๊าจ่ายตอนขึ้นแถมไม่มีทอนอีกต่างหาก
กระเป๋าใบใหญ่คิดตังค์เพิ่มนะจ๊ะ จ่ายช้าโดนคนขับโวยใส่นะค่ะ
นั่งรถเมล์จากสนามบินไปโรงแรมสายAP1ใช้เวลาเดินทางประมาณ5นาที
5นาทีจริงๆนะ งงมากกก นั่งยังไม่ทันร้อนก้นเลยก็ถึงโรงแรมแล้ว ค่ารถคนละ4.5Mop
นุ๋เลือกพักโรงแรมBest Western Taipa Hotel(Hotel Taipa)
โรงแรม3ดาว ใกล้เวเนเชี่ยน สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ใกล้ซุปเปอร์มาเก็ต
มีรถรับส่งจากโรงแรมไปท่าเรือเพื่อต่อเรือไปฮ่องกงฟรี ราคาคืนละ1388บาท
เมื่อเอาของเก็บเราก็เดินออกไปหาอะไรกินที่หมู่บ้านไทปา
แต่เดินไปเดินมาหลงสะงั้น-*-ถามทางมาจากรีเซฟชั่นของโรงแรมแล้วก้ยังหลง
หลงไปหลงมาเดินไปเจอวิศวะกรที่มาคุมการก่อสร้างตึกแถวนั้น
เลยถามเค้าว่าหมู่บ้านไทปาไปทางไหน?
เค้าเลยบอกให้เดินตามเค้ามาที่รถ แล้วเค้าก็เรียกขึ้นรถ
พร้อมกับขับรถมาส่งหน้าหมู่บ้านไทปา โดยไม่คิดเงิน
ขับมาส่งด้วยใจ ไม่ทำตัวน่ากลัว ไม่หวังผลประโยชน์
พร้อมกับส่งท้ายด้วยว่าYou’re welcome
คุณวิศวะกรจะรุ้ไม๊น๊า..ว่าคุณเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรา”หลงรักมาเก๊า”อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
ตอนแรกถามว่ากลัวไม๊ที่เค้าชวนขึ้นรถมาก็แอบหวั่นๆอยู่นะ
แต่คนบ้านเค้ามองคนด้วยสายตาเป็นมิตรกว่าคนบ้านเราอ่ะ เค้าดูจริงใจ ซื่อๆ
แม้จะสื่อสารกันลำบากมาก แต่ก็รับรู้ได้ว่าเค้าพยายามช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเต็มที่
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะดีทุกคน ยังไงๆก็ต้องระวังไว้ด้วยนะค่ะ
มาถึงไทปาก็บ่ายแก่ๆร้านรวงก็เริ่มจะปิดหมดแระเลยไม่ได้ซื้ออะไรแต่หิวมากๆเลยนะ
อาหารกลางวันของวันนี้เป็นบะหมี่ลูกชิ้นปลา+บะหมื่พอร์กช็อป
จะเห็นว่าถ่ายแบบลวกๆเพราะหิวมากกกกกกกกกกก
รสชาติเค็มๆหวานๆ แบไม่ต้องปรุง
ลูกชิ้นปลาอร่อยเทพ พอร์กช็อปนุ่มมาก
ตบท้ายด้วยน้ำช็อคโกแล็ตแคดเบอรี่มิ้นท์+ชานมเย็นที่ความหวานอยุ่ก้นแก้ว
ไม่มีรูปให้ดูเพราะพออาหารมาส่งก็ไม่ได้สนใจกล้องอีกเลย
สนนราคามื้อนี้2คน 67Mop
คนขายหล่อมากหน้าตาดงบังชิงกิสุดๆกินไปเคลิ้มไป
กินเสร็จก็มายืนรอรถเมล์เราจะข้ามไปเกาะมาเก๊ากัน(ที่อยู่เมื่อกี้คือเกาะไทปานะค่ะ)
ที่เห้นด้านหลังคือป้ายบอกสายรถเมล์ว่ารถสายไหนไปไหนผ่านแห่งท่องเที่ยวอะไร
ทำไมเมืองไทยไม่มีอ่ะ.....นั่นสิ...
เรานั่งรถไปวัดอาม่าเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเกาะ
(ไม่มีรูปเพราะย้อนแสงเกือบทุกรูปกลุ้มใจ)
แล้วเราก็นั่งรถมาเซนาโ้ด้สแควร์กันต่อ
ช่วงที่ไปเป็นช่วงที่ลดราคาประจำปี
สินค้าลดกันแบบสุดๆ แต่นุ๋ว่ายังไงๆก็แพงกว่าบ้านเราอยู่ดี
แล้วของที่มาเก๊าแพงกว่าฮ่องกงอีกนะคะ ฉะนั้นเก็บตังค์ไปซื้อฮ่องกงดีกว่า
มาเดินเซนาโด้ถือสะว่ามาเดินเล่นๆท่ามกลางประชากรที่หน้าตาดีมากถึงมากที่สุด
เดินเล่นไปมาทุกซอกซอยจนค่ำเลยคิดว่าไปเวเนเชี่ยนดีกว่า
นั่งรถเมล์ต่อไปเวเนเชี่ยนแล้วเดินต่ออีกประมาณ800เมตรถึงจะถึงตัวโรงแรม
ถ่ายรูปเยอะมากเพราะชอบสถาปัตยกรรมของที่นี่สุดๆ
ไม่ได้นั่งก็อดดอลล่า(เขียนไงหว๋า)เพราะไปถึงก็4ทุ่มแล้ว เค้าปิดบริการ
แต่ถ้าคราวหน้ามีโอกาสได้ไปอีกไม่พลาดแน่นอน
เกือบๆเที่ยงคืนก็หมดเวลานางซินเลยเตรียมตัวออกไปเรียกแท็กซีหน้าโรงแรม
เพราะระยะทางจากเวเนเชี่ยนไปโรงแรมไม่ถึง3กม.ใกล้ๆแบบเดินถึงอ่ะ
คิดว่าค่ารถน่าจะประมาณ20เหรียญแต่พอเอาเข้าจริงๆ
แท็กซี่บังคับให้เหมาแบบไม่กดมิเตอร์ ขอ50mopประมาณ250กว่าๆ
เชอะๆเกือบๆ300บาทอย่าหวังว่าจะได้เงินช้าน
เล่นบอกคนข้างๆว่าพี่ๆเดินไหวไม๊ เราเดินกลับโรงแรมกันนะ
เด๋วนู๋ซื้อขนมให้กินแทนค่าแท็กซี่ คนข้างๆก็แสนจะตามใจ
โดยไม่ได้คำนึงว่าหายนะกำลังมาเยือน
เราเดินออกจากเวเนเชี่ยนประมาณเที่ยงคืน เดินขึ้นทางลาดไปตามช่องเขา
เงียบสงัด มืดสนิท ไร้คน มีรถขับผ่านเป็นระยะๆ น่ากลัวมากๆ ไม่แนะนำให้เอาเยื่ยงอย่าง
แต่สุดท้ายเราก็พิชิตระยะทางกว่า2กิโลมาถึงโรงแรมจนได้
เเวะซุปเปอร์ซื้อมาม่าเพราะไม่รุจะกินอะไรร้านค้าปิดกันหมดแล้ว
แต่ซื้อขนม นม ยาคูลย์ น้ำกระป๋อง สารพัด ให้คุ้มกับการเสียเหงื่อเดินมา
ภูมิใจโคดๆอ่ะ กะการประหยัดเงินเกือบๆ300แล้วเอามาซื้อขนมเนี่ย
เดินหิ้วถุงขนมกลับโรงแรมด้วยความภูมิใจ
*มาม่ากระป๋องละประมาณ60บาทไทยนะจ๊ะ เเนะนำให้โหลดไปเองดีกว่า

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอยากฝากไว้...
- ตอนนี้เจ้าหางแดงมีไฟลท์บินตรงสู่ฮ่องกงในช่วงเช้าแล้วนะค่ะ
- คนอื่นอาจจะไม่เมาเครื่องก็ได้ แต่มัดเมามากๆๆๆๆ
- กรุณาโหลดน้ำเปล่าไปเองเพราะที่นู่นขวดเล็ก30บาท ขวดใหญ่50กว่าบาท
- ของกินขนมที่ชอบโหลดไปเถอะเพราะของอร่อยที่นุ่นอาจไม่ถูกปากเรา
- คนไม่ชอบกลิ่นเครื่องเทศกินลำบากนะเพราะเกือบทุกอย่างใส่เครื่องเทศหมด
- ตุ๊กตาบลายล์ที่ร้านของเล่นข้างซากประตูโบสถ์ ราคาสูงมากแต่ก็ยังถูกกว่าบ้านเรา
- ไปมาเก๊าไม่ควรช็อปปิ้ง เพราะเช็คราคาให้แล้วฮ่องกงถูกกว่ามาก
- แต่ควรกินอาหารพื้นเมือง ร้านข้างทาง ผลไม้ เพราะถูกและอร่อยมากๆ
- ซื้อของกินจุกจิก ถ่านกล้องสำรอง กระดาษเช็ดชู่ รบกวนหาซุปเปอร์นะค่ะ
- ของในวัตสันบ้านเค้า บางอย่างแพงกว่าเมืองไทยมากกก
- สักครั้งในชีวิตอย่างลืมไปมาเก๊านะค่ะ
- สักครั้งในชีวิตอย่าลืมไปเวเนเชี่ยนนะค่ะ
- สักครั้งในชีวิตอย่าลืมกินลูกชิ้นที่มาเก๊านะค่ะ
- แลกเงินที่เซนาโ้ด้เรตดีกว่าแลกที่สนามบินค่ะ
- เค้าสูบบุหรี่กันทั้งเมือง ถ้าแพ้ใส่maskด้วยนะจ๊ะ
- คาสิโนน่าเล่น แต่เชื่อเถอะว่าต่อให้คุณดวงดีแค่ไหนก็ได้ไม่คุ้มเสียหรอก ของคุณแรง ดวงคุณดีแต่ของเค้าแรงและดีกว่า
- การเที่ยวของนู๋เป็นแบบติดดิน เชฟได้เชฟหมด ก่อนจะซื้ออะไรคิดเป็นเงินไทยเสมอ
- อาจจะทำให้บางคนไม่สนุก ลำบาก ทรมาน (กลับมาพ่อก็ว่าไปเที่ยวทั้งทีทำไม”งก”จัง)
- แต่นู๋สนุกมากๆๆๆ ประทับใจสุดๆ และที่สำคัญไม่เห็นลำบากสักนิดเลย
- ที่พักมีไว้เก็บของ+อาบน้ำ+หลับตาอีก4-5ชั่วโมง จะจ่ายแพงกว่าทำไม?
- ปลั๊กไฟ3ขาที่โรงแรมมีให้ค่ะ
- น้ำร้อนที่โรงแรมร้อนมากกกก ระวังด้วย

- แต่ถ้าอยากพักผ่อนแนะนำห้องพักที่เวเนเชี่ยนนะค่ะคืนละ7พันกว่าบาท
- แต่ความสะดวกสบายจะทำให้คุณเป็น”เจ้าหญิง”
- รักมาเก๊ามากๆจนคิดว่าอยากไปอยุ่แบบถาวร
- ประชากรชาวมาเก๊าหน้าตาสวยและหล่อแบบนึกว่าอยู่บนแคทวอล์ก
- ทอมมาเก๊าหน้าตาดีมากถึงมากที่สุด จนทอมข้างๆอยากมีไว้ในครอบครอง
- สุดท้ายนี้ ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาลูกจริง
- “ขอให้มีแฟนหน้าตา+บุคลิกแบบทอมมาเก๊าด้วยเถอะ”สาธุ สาธุ555555555+
*ค่าใช้จ่ายที่มาเก๊าทั้งหมด(รวมค่าที่พัก)
2588บาท ต่อ2 คน
ตกคนละ1294บาท เห็นราคาแล้วอยากไปมาเก๊าบ้างไม๊ค่ะ*-*ไม่รวมค่าเครื่องอีก2000ต่อคนนะค่ะ
ปล.
- ลงรูปแค่นี้ก่อนละกัน เหนื่อยแระ ไม่ไหวๆ
- ลงรูปแบบงงๆเพราะรีบเร่ง+ไม่ได้ทาโฟโต้ช็อปโลชั่นอีกต่างหาก
- ขออภัยถ้าทำให้ใครฝันร้ายยยยย
- หน้าต่อไปขอเวลาสักพักกกกก
- เพราะตอนนี้นู๋เป้นกลุ่มเสี่ยงไข้หวัด2009
-ไปหาหมอมาแระ
- ที่เสี่ยงเพราะกลับมาจากHkตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว
- แต่เริ่มป่วยเมื่อวาน...กำ
- กินยาถ้าไม่หายค่อยมาดูอาการใหม่
- นุ๋คือกลุ่มเสี่ยงเหรอ?
- ถ้าเป้นHKโดนกักตัวเเล้วคับหมอ
- แต่อย่างนู๋อึด ทึก ทน
- ไม่เป้นอะไรง่ายๆหรอก
- แต่พ่อแม่แอบรังเกียจ ให้นุ๋ย้ายไปนอนนอกห้อง
- นุ๋คิดถึงพ่อกะเเม่อ่ะไม่ได้นอนด้วยกันต้อง1คืนแล้วนะ
-อยากดูแฮรี่ พ็อตเตอร์ ใครไม่กลัวป่วยไปเป็นเพื่อนหน่อยจิ
- คงจะมี....
- อยากไปเทวาลัยแต่กลัวไปแพร่เชื้อ
- ขี้เกียจนอนอยุ่บ้านแล้วนะ
- ป่วยแล้วไม่เจียม-*-
- เค้าว่ากันว่าจะไปเซิ่นเจ้นเดือนกันยา
- อยากไปอีกแระ
- อยากไปซื้อรองเท้า+เสื้อผ้า
- เซิ่นเจ้นเสื้อผ้าสวยกว่าไทย แอบถูกกว่านิดนึง
- เหนื่อยๆ นอนดีกว่า
- บะบายๆ








































วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

"พักร้อน"

ก่อนอื่นๆ ต้องขอ"ขอบคุณ"บรรดาเพื่อนสนิท+มิตรสหาย+แฟนเก่าที่น่ารักทุกๆคน

สำหรับทุกๆการกระทำที่ผ่านมาในช่วงก่อนหน้านี้

ขอบคุณที่รับฟัง

ขอบคุณที่ปลอบโยน

ขอบคุณที่ปกป้อง

ขอบคุณที่เข้าข้าง

และขอบคุณมากๆจริงๆ"ที่เชื่อใจ"

เรื่องบางเรื่อง...เราเองก็คาดไม่ถึง

เรื่องบางเรื่อง...เราเองก็คิดไม่ทัน

"แต่ก็ช่างมันเถอะ"

เพราะอย่างน้อยนิทานเรื่องนี้ก็สอนให้เรารู้ว่า...

เพื่อนดีๆนั้นหายาก...

แต่....

เราโชคดีมากที่มีเพื่อนดีๆที่คับทั้งคุณภาพ+ปริมาณ

แม้บางคำพูด+บางการกระทำ อาจจะทำให้เราน้อยใจ

แต่ถ้ามองไปถึง"เจตนา"ที่แท้จริง

เราก็พบกับความหวังดีและความห่วงใยที่สะท้อนออกมาตลอดเวลา

ตอนนี้เราพูดได้เต็มปากว่า"เราสบายใจมาก"

แต่ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายคิวรัดตัวยิ่งกว่าดาราบางคนเสียอีก

ถ้าไม่ได้รับโทรสับหรือโทรกลับเพื่อนคนไหนและปฏิเสธรับนัดมีทติ้งทุกกรณี

ก็ให้อภัยเราเถอะน๊า..เพราะช่วงนี้เรามีเวลา"นอนน้อยกว่าปกติจริงๆ"

อีกประมาน10วันเราก็จะได้เจอเพื่อนสนิทที่คบกันมากว่า10ปี

ขอบคุณ"พรจี้"มากๆนะที่กรุณารีบส่งโปรเจคจนทำให้ได้รับปริญญาในเดือนนี้

แค่คิดว่าเมิงจะใส่ชุดครุยก็ขำจนน้ำตาเล็ดแล้ว

ว่าแต่จะใส่วิกทรงไหนดีหล่ะแม่สาวเกาหลี555+

วันนี้ไปเจอชลลี่ที่ร้านข้าวมันไก่

พอชลลี่เห้นเรามันก็รีบวิ่งข้ามถนนมาทักทาย

พูดคุยกันพอเป็นกระสัยแล้วพอเราบอกว่าเด๋วกลับก่อนนะง่วงนอนมากๆ

ชลลี่เลยลูบเนื้อลูบตัวเราพร้อมกับบอกว่า

"กลับบ้านดีๆนะพักผ่อนๆไว้เจอกัน"

สำหรับคนอื่นอาจจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา

แต่เรากลับรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด

เพราะเรารู้ว่ามือที่เพื่อนสัมผัสเรานั้น

มันเป็นมือที่เราคุ้นเคย

เป็นมือที่เราเคยจับและผ่านทุกๆเรื่องราวทั้งดีและร้ายมากว่า10ปี

คิดถึงมือและอ้อมกอดของทุกๆคนมากมายจริงๆ

ไว้เจอกันนะจ๊ะ*-*"ปัด,ชล,ส้ม,นุ้ย,พู,ออน,แวว,เป้,โอ๋"และ6/4ทุกๆคน
................................................................................................................................

พร่ำเพ้อมานานพอดู

จบดีกว่า....

"ขอบคุณที่เคียงข้างกันนะคะ"
ปล.
-ถ้าร้อนนักก็ไปพักร้อนกันดีกว่า
-ขอบคุณ"ศรัทธา"ที่นำชีวิตเราไปสู่หนทางที่ดีๆ
-ขอบคุณอีกทีสำหรับ"แฟนเก่า"ทุกคนที่ทำให้เรารุ้ว่า
-"เราเลือกคนไม่ผิด"
-Hong Kong next week.
-ok?

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ห่างหายไปจากบล็อคนี้กว่า3เดือน
แต่ก็ยังแอบอ่านบล็อคคนอื่นอยู่เรื่อย5555+
อยากรุ้เรื่องคนอื่น แต่ เรื่องตัวเองแอบสะเนียน
บางทีก็อยากอัพเรื่องราวหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นเก็บไว้
เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเรากลับมานั่งย้อนๆอ่าน
ก็มักจะทำให้มองเห็นตัวเอง ในอดีตเสมอๆ
แต่ความอยาก มักถูกเบียดบังด้วยความขี้เกียจ
จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนี้...

เริ่มเลยเเล้วกัน อัพเดทเล็กๆน้อยๆ

การเรียน....
เป็นเรื่องที่ทำให้"เครียด"ได้มากที่สุด
โค้งสุดท้ายยังไงก็ต้องพยายามจบปีนี้ให้ได้
ทั้งบีบทั้งอัดสุดพลัง
ตั้งใจเรียนมากขึ้น
อ่านหนังสือมากขึ้น
พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิเสมอๆ
สวดมนต์อ้อนวอน นั่งสมาธิ
จนทำให้ช่วงนี้เริ่มปลงๆโลกยังไงไม่รุ

การงาน....
รับอีเว้นท์บ่อยครั้ง
ทั้งๆที่ไม่เคยเดือดร้อนเรื่องเงิน
พ่อก็ว่า แม่ก็บ่น
แต่ใจมันรัก แล้วจะให้ทำยังไง?
ยิ่งรับงาน ก็ยิ่งค้นพบศักยภาพของตัวเอง
นอกจากเงินดี เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ก็ยังน่ารัก
กับบางคนร่วมงานกันแค่4-5วัน
แต่มิตรภาพประทับใจจนลืมไม่ลง

การเงิน.....
พอมีพอใช้ ไม่ขาดมือ ไม่เดือนร้อน
เพราะช่วงนี้มีสติก่อนช็อปปิ้งเสมอ
สองสิ่งที่ทำให้เสียเงินได้อย่างง่ายดาย คือ
1. ขนม/กับข้าวที่ซื้อมาฝากพ่อกะเเม่
2.วิตามินบำรุงครอบครัวของเรา

สุขภาพ....
ว่าจะไปตรวจเต้านม แต่แอบกลัว
เพราะเพื่อนที่มหาลัยแห่กันไปตรวจแล้วเจอก้อนซีสต์100 ละ 95%
แล้วสรีระอย่างช้านจะเหลือเหรอ?
และตอนนี้แพ้ผลิตภัณฑ์จำพวก
bb cream/เบส/รองพื้น/แฟ้งตลับ/ครีมกันแดดเนื้อมูส
ทุกชนิดทุกยี่ห้อ
ขนาดฝากพี่สาวเพื่อนที่เป็นแอร์สายการบินประจำชาติญี่ปุ่น
ซื้อแป้งเด็กแบบตลับของชิเช.....
ทา2วันสิวขึ้น4เม็ด
แป้งเพรสของเด็กแบรนด์ดี ราคาสูง
ก็ช่วยอะไรไม่ได้...กลุ้มใจ
ตอนนี้ได้เเต่ครีมกันแดดของหมอ+แป้งเด็กสีขาวกลิ่นไม่ฟุ้ง
นู๋อยากมีใช้แป้งตลับกะเค้าบ้างอ่ะ-*-

เพื่อนๆ....
คิดถึงเพื่อนๆสมัยมัธยมกลุ่มkmyมากๆนะ
แม้จะไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกัน
แต่สัมผัสได้เสมอถึงความ"จริงใจ"ที่มีให้กัน
กับเพื่อนใหม่ๆ
มีทั้งดีและไม่จริงใจปะปนกันไป
แต่เราก็ไม่ได้สนใจหรอกว่า...
ใครจะจริงใจหรือไม่จริงใจกะเรามากน้อยแค่ไหน
เราสนใจแค่ว่าเรา"จริงใจ"กับทุกๆคนก็พอ
ต่อหน้า ลับหลัง เราพูดเหมือนกัน
ถ้าใครได้ยินหรือได้ฟังว่าเราไปว่าใคร พาดพึงถึงใครในทางไม่ดี
กรุณาถามเราก่อนว่าเป็น"เรื่องจริง"หรือป่าว
อย่าฟังความข้างเดียว...
เพราะถึงมีใครชงมา ก็น้อยครั้งนักที่เราจะร่วมผสมโรง
ไม่ชอบนินทาว่าร้ายใคร เพราะชอบพูดตรงๆกับเจ้าตัวมากกว่า
แต่ทำไมเราจึงชอบถูกนินทาหรือพาดพึงถึงอยู่เสมอๆ
กับเพื่อนสนิทเราเองคบกันมาเป็น10ๆปี รุ้ใจรู้ไส้รู้พุงกันหมด
เรายังไม่กล้าว่าในเรื่องแย่ๆที่มันทำแล้วสังคมรับไม่ได้เลย
แล้วนับประสาอะไรกับคนที่เพิ่งรู้จักกัน
เราจะวิจารณ์หรือพาดพึงถึงคุณเพื่อ....
เราถือคติอยู่เสมอว่า....
"เราเองไม่ใช่พระเจ้าไม่ได้ดีเลิส ฉะนั้นเราไม่มีสิทธิที่จะไปเปลื่ยนใคร"

ความรัก....
กับเรื่องหุ้นส่วน...
เราทำใจได้นานมากแล้วแบบไม่ได้หลอกตัวเอง
เฉยๆมองออกในหลายๆมุม
เลยไม่หลงเหลือความรุ้สึกในแบบอื่นๆ
นอกจาก"เพื่อน"และเรา"เคยเป็น"หุ้นส่วนกัน
แม้บางทีเราเห็นถึงความพยายามที่จะกลับมาเป็นแบบเดิมของเธอ
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอะไรไปมากกว่าคำว่า"เพื่อนเก่า"
และเรา"รักษามรรยาท"ทุกครั้งที่ได้เจอหรือได้คุยกับเธอ
กับเรื่องแฟนเก่า....
เราพยายามอย่างมากที่จะทำให้ทุกๆอย่างดีขึ้น
แต่บางทีแก้วที่มันร้าวก็คงยากที่จะหลอมให้กลับมาสวยงามอย่างเดิมได้อีก
เพราะโตแล้วรุ้จักรับผิดชอบในการตัดสินใจของตัวเองแล้ว
อยากกลับไปเป็นแบบเดิมมากๆนะ
แต่บางสิ่งบางอย่างทำให้รู้สึกสะเทือนใจเสมอๆ
บางทีเราไม่รู้เลยว่าเธอ"รักเราหรือจริงใจ"กับเรามากแค่ไหน
ขอโทษรอบที่100 ที่ทำให้เสียใจ
ทั้งๆที่สิ่งที่เราทำลงไปนั้น ถ้าจะพูดกันตามตรง
เราก็ไม่ได้มองว่าเราเป็นคนผิดหรือใครเป้นคนผิด
แต่เราไม่ชอบทำร้ายความรู้สึกของคนที่เรา"รัก"
ปัจจุบัน
ประคองความโสดมา กว่าครึ่งปี
อยู่มาได้ถึงขนาดนี้แล้ว
ฉะนั้นคนที่เราจะเลือกมาเป็นแฟน
ถ้าไม่ใช่แฟนเก่า
ก็ต้องเป็น..คนที่ดีกว่าแฟนเก่าของเราในทุกๆด้าน
จะมีเหลือมาถึงเราเหรอ?5555+
"มีแฟนก็ดี ไม่มีแฟนก็ไม่ได้เดือดร้อน"

ปล.
- ไม่ชอบแย่งขนมเพื่อน ต่อให้จะเป็นยี่ห้อที่เราชอบ
- ถ้าเป็นของเพื่อน ก็ไม่อยากกิน
- ไม่สวยแต่เลือกมากกกก
- ไม่ได้ปิ้งทอมหน้าตาดีไปสะทุกคน
- หน้าตาดีของคนทั่วไปอาจจะไม่ใช่แบบที่เราชอบก็ได้
- หวั่นไหวทุกครั้งที่เจอกอล์ฟ-ไมค์555+
- เราเจอกัน4-5ครั้งแล้ว สงสัยเป็นเพราะ"พรหมลิขิต"5555+